Learning Idea 4: โขน-Pop | Khon-Pop

คำอธิบาย ร่วมสำรวจและสร้างสรรค์วัฒนธรรม Pop ร่วมสมัยผ่านการผสมผสานท่ารำโขนจากแม่บทใหญ่เข้ากับดนตรีสมัยนิยม ตีความและเชื่อมโยงเรื่องราวในวรรณกรรมเดิมกับบริบทปัจจุบัน พร้อมจินตนาการถึงอนาคตของศิลปะการแสดงไทยในยุคดิจิทัล ทดลองใช้เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือช่วยสร้างสรรค์ผลงานทั้งด้านการประพันธ์ท่าเต้น เนื้อร้อง และดนตรี

 

เหมาะสำหรับ ประถม, มัธยม, มหาวิทยาลัย และบุคคลทั่วไปที่สนใจในศิลปะการแสดงร่วมสมัย

 

คำชี้แจง กิจกรรมนี้เป็นการทดลองทางความคิดเพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะในรูปแบบใหม่ ไม่มีข้อจำกัดของความถูกต้องตามขนบเดิม แต่เน้นการต่อยอดและประยุกต์ใช้องค์ความรู้อย่างเหมาะสมกับยุคสมัย

 

สิ่งที่จะได้เรียนรู้

  • ประยุกต์ใช้ท่ารำโขนในบริบทสมัยใหม่ สร้างสรรค์ศิลปะการแสดงแนวใหม่ที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่
  • ฝึกทักษะการคิดเชื่อมโยง ตีความ และจินตนาการ ผ่านการนำเอาองค์ความรู้จากอดีตมาปรับใช้ในปัจจุบันและอนาคต
  • เข้าใจกระบวนการทำงานของ AI สำหรับงานสร้างสรรค์ และรู้เท่าทันข้อจำกัดและศักยภาพของเทคโนโลยี
  • พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการทำงานเป็นทีม และการสื่อสารองค์ความรู้ผ่านผลงานศิลปะ

 

สิ่งที่จะได้เรียนรู้

  • ได้ลองสร้างวงโขน-Pop ในแบบฉบับของตัวเอง ตั้งแต่ชื่อวง คอนเซ็ปต์ สมาชิก ไปจนถึงการแต่งเพลงและท่าเต้น
  • สนุกกับการทดลองใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และค้นหาวิธีการใหม่ๆ ในการรังสรรค์ผลงานศิลปะ
  • เพลิดเพลินไปกับการสวมบทบาทศิลปินและนักสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยนไอเดียกับเพื่อนๆ ที่มีความสนใจคล้ายกัน

 

กิจกรรม

  • แบ่งผู้เข้าร่วมเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ให้แต่ละกลุ่มช่วยกันศึกษาและคัดเลือกท่ารำจากแม่บทใหญ่ที่น่าสนใจ
  • วิเคราะห์ความหมายและอารมณ์ความรู้สึกที่ถ่ายทอดผ่านท่ารำ เชื่อมโยงเข้ากับเนื้อเรื่องในวรรณกรรมโขน
  • ระดมสมองเพื่อตีความเรื่องราวและตัวละครเหล่านั้นในบริบทปัจจุบัน ว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับสังคมวัฒนธรรมร่วมสมัยอย่างไร
  • ให้แต่ละกลุ่มจินตนาการว่าหากตัวละครเหล่านั้นมาเกิดในยุคปัจจุบัน พวกเขาจะมีบุคลิก ภาพลักษณ์ บทบาท และการใช้ชีวิตอย่างไร
  • สร้างคอนเซ็ปต์ของวงโขน-Pop โดยนำตัวละครที่ชื่นชอบมารวมกันเป็นวง ตั้งชื่อวง คิดคอนเซ็ปต์หลัก แนวดนตรี และสไตล์การแต่งกาย
  • ทดลองใช้เว็บแอป “cyber subin lab” ในการสร้างท่าเต้นประกอบเพลง โดยเลือกใช้ท่ารำจากแม่บทใหญ่ที่คัดสรรไว้ผสมผสานเข้ากับการเคลื่อนไหวสมัยใหม่
  • ฝึกปรับค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ในเว็บแอป สังเกตการเปลี่ยนแปลงของท่าทาง และเรียนรู้วิธีควบคุมองค์ประกอบการเต้นให้เข้ากับเพลง
  • แบ่งบทบาทภายในกลุ่ม ให้สมาชิกบางคนใช้ AI ช่วยในการแต่งเนื้อร้องและทำนองเพลง จากคอนเซ็ปต์และอารมณ์ความรู้สึกที่ต้องการถ่ายทอด
  • จัดการแสดงโชว์เคสของแต่ละวงโขน-Pop โดยอาจทำเป็นมิวสิควิดีโอสั้นๆ หรือการแสดงสดก็ได้
  • เปิดเวทีให้ผู้ชมร่วมแสดงความคิดเห็น ชื่นชมจุดเด่น และเสนอแนะสิ่งที่อยากเห็นเพิ่มเติม เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดในอนาคต
  • สรุปบทเรียนและสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรม ทั้งในมิติของการประยุกต์ใช้ศิลปวัฒนธรรมเดิม การทำงานร่วมกับ AI และการสร้างสรรค์ผลงานเชิงทดลอง

 

หัวข้อสนทนา

  • การปรับเปลี่ยนบริบทของตัวละครให้เข้ากับยุคสมัย ส่งผลต่อการรับรู้และตีความเรื่องราวของผู้ชมอย่างไร
  • ความแตกต่างระหว่างการออกแบบท่าเต้นโดยมนุษย์กับการใช้ AI คืออะไร และการผสมผสานทั้งสองวิธีเข้าด้วยกัน ก่อให้เกิดทั้งโอกาสและความท้าทายอย่างไรบ้าง
  • การผสมผสานศิลปะการแสดงแบบดั้งเดิมเข้ากับรูปแบบสมัยนิยม เป็นการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างคนต่างรุ่นหรือไม่ อย่างไร
  • บทบาทของเทคโนโลยีต่อการสร้างสรรค์และเผยแพร่งานศิลปวัฒนธรรมในอนาคตจะเป็นอย่างไร มีผลดีและผลเสียอย่างไรบ้าง
  • ประสบการณ์จากกิจกรรมนี้ ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจธรรมชาติและพัฒนาการของศิลปะการแสดงในฐานะส่วนหนึ่งของสังคมและวัฒนธรรมมากขึ้นหรือไม่ อย่างไร

 

เพิ่มเติม

  • เชิญศิลปินหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์เนื้อหาร่วมสมัย มาแบ่งปันประสบการณ์และให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาผลงานของผู้เรียน
  • ศึกษาตัวอย่างผลงานศิลปะการแสดงที่ผสมผสานระหว่างรูปแบบดั้งเดิมและร่วมสมัยทั้งในและต่างประเทศ เพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจและเรียนรู้เทคนิควิธีการนำเสนอ
  • จัดทำหนังสือภาพหรือสื่อนำเสนอที่รวบรวมแนวคิด เรื่องราวของตัวละคร และผลงานโขน-Pop ของแต่ละกลุ่ม เพื่อแบ่งปันสู่ผู้คนวงกว้าง
  • สร้างพื้นที่ออนไลน์สำหรับการแลกเปลี่ยนไอเดียและติดตามพัฒนาการของผลงานอย่างต่อเนื่อง เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมในการสืบสานศิลปวัฒนธรรมผ่านสื่อสมัยใหม่

 

กิจกรรมนี้เป็นการบูรณาการองค์ความรู้จากศาสตร์ต่างๆ ทั้งด้านนาฏศิลป์ไทย ดนตรีสากล วรรณกรรม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และการสื่อสารร่วมสมัย ผู้เรียนจะได้ฝึกคิดอย่างสร้างสรรค์ในการประยุกต์ใช้ศิลปะการแสดงแบบโบราณให้สอดคล้องกับความสนใจของคนรุ่นใหม่ รู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาดเพื่อยกระดับการทำงานศิลปะ และเปิดใจกว้างในการเรียนรู้ ทดลอง และพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ อยู่เสมอ ประสบการณ์เช่นนี้จะสร้างแรงบันดาลใจและปูทางให้ผู้เรียนสามารถสานต่อการอนุรักษ์และสร้างสรรค์มรดกทางวัฒนธรรม ให้คงอยู่และเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยครับ